ประเภทของแสงไฟที่ใช้ภายในและภายนอกอาคาร

ถ้าเราลองนึกถึงบรรยากาศในแต่ละสถานที่ ระหว่างตอนกลางวันและตอนกลางคืนนั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงใช่ไหมคะ ก็เหมือนกับเวลาเรามองตึกอาคาร ห้างสรรพสินค้าหรือแม้กระทั่งบ้านหรือห้องต่างๆ ตอนกลางคืนหรือตอนที่เปิดไฟแล้วรู้สึกว่าดูสวยกว่าตอนไม่ได้เปิดไฟ นั่นก็เป็นเพราะการใช้แสงมีผลต่อการตกแต่งทั้งภายในและภายนอกอย่างมาก การออกแบบแสงที่เหมาะสมจะช่วยสร้างมิติและบรรยากาศที่ต้องการ ตอบโจทย์เรื่องของการใช้งาน หรือแม้กระทั่งช่วยให้ห้องหรือบริเวณนั้นๆ ดูกว้างขึ้นได้

แสงที่นักออกแบบมักใช้สำหรับการตกแต่งภายในและภายนอกจะมี 3 ประเภทด้วยกัน คือ ไฟส่องสว่างทั่วไป (General Lighting) ไฟส่องเฉพาะที่ (Task Lighting) และ ไฟส่องเน้น (Accent Lighting)

1. ไฟส่องสว่างทั่วไป (General/Ambient Lighting)

ภายใน – เป็นการให้แสงสว่างแบบพื้นฐานทั่วไป คือกดสวิตช์แล้วสว่างทั่วทั้งบริเวณ สำหรับประกอบกิจกรรมต่าง ๆ ทั้งกลางวันและกลางคืน เน้นที่การใช้งานและความปลอดภัยเป็นหลัก โดยดีไซน์เนอร์อาจจะออกแบบให้มีการใช้งานร่วมกับแสงธรรมชาติ หรืออาจจะใช้แสงเทียม (Artificial light) เนื่องจากทุกวันนี้หลอดไฟจำพวก LED สามารถเลียนแบบแสงธรรมชาติได้ค่อนข้างใกล้เคียงมากทีเดียว ไฟที่นิยมใช้ก็จะเป็นพวก โคมไฟตั้งพื้น โคมไฟตั้งโต๊ะ โคมไฟระย้า หรือไฟติดเพดาน เป็นต้น

ภายนอก – ไฟชนิดนี้ยังนำไปติดตั้งไว้ภายนอกอาคารด้วย เพื่อให้มองเห็นได้ชัดเจนและเพิ่มความปลอดภัยโดยรอบ รวมถึงบริเวณทางเข้าและบันไดเพื่อลดความเสี่ยงจากอุบัติเหตุเวลาเข้าออกอาคาร เช่น ไฟสปอร์ตไลท์ โคมไฟสนาม โคมไฟเสาสูง โคมไฟเสาเตี้ย เป็นต้น

2. ไฟส่องเฉพาะที่ (Task Lighting)

ภายใน – สำหรับให้แสงสว่างเพื่อใช้ทำงานหรือประกอบกิจกรรมเฉพาะ เช่น อ่านหนังสือ ใช้คอมพิวเตอร์ ทำอาหาร ซึ่งมีหลากหลายรูปแบบ เช่น โคมไฟตั้งโต๊ะ ไฟห้อยเพดาน ไฟเส้นสำหรับติดใต้ตู้หรือเคาท์เตอร์ในครัว หรือดาวน์ไลท์ วัตถุประสงค์ก็เพื่อช่วยให้มองเห็นได้ชัดเจน ไม่ต้องเพ่งสายตา ทำกิจกรรมได้สะดวก แต่ควรหลีกเลี่ยงไฟที่จ้าเกินไปหรือไฟที่ทำให้เกิดเงา โดยอาจติดตั้งเป็นสวิตช์เดี่ยวแยกจากสวิตช์รวม บางครั้งใช้ร่วมกับไฟส่องสว่างทั่วไปเพื่อเพิ่มความสว่างหรือเพื่อให้เกิดสีที่ต้องการสำหรับประกอบกิจกรรมเฉพาะอย่าง

ภายนอก – ใช้ส่องทางเดิน ระเบียง ทางเข้า หรือครัวนอกบ้าน เน้นการให้แสงสว่างเพื่อประกอบกิจกรรมและเพื่อความปลอดภัย เช่น ไฟผนัง ไฟกิ่ง ไฟหัวเสา และควรเลือกใช้ไฟสำหรับภายนอกโดยเฉพาะเนื่องจากมีความทนทานต่อสภาพอากาศต่างๆ เช่น ฝน ลมพายุ แดด

3. ไฟส่องเน้น (Accent Lighting)

ภายใน – เป็นการใช้แสง เช่นไฟฝังเพดาน ไฟแขวงผนัง ไฟราง หรือสปอร์ตไลท์ เน้นไปที่วัตถุที่ต้องการให้เป็นจุดเด่นดึงดูดความสนใจ เช่น รูปภาพ รูปปั้น ของสะสม หรือผิวของวัสดุ เช่น ผนังหรือบัวฝ้าที่ตกแต่งเป็นพิเศษ ซึ่งถ้าเป็นงานศิลปะมักจะนิยมใช้หลอด LED เนื่องจากไม่ปล่อยแสงยูวีและความร้อนที่อาจสร้างความเสียหายแก่รูปภาพ นอกจากนี้เรามักเห็นการใช้ไฟส่องเน้นในช้อปร้านค้า ซึ่งเขาจะใช้ General Lighting เป็นแบคกราวน์และใช้ Accent Lighting เน้นไปที่สินค้าเพื่อดึงดูดความสนใจ จัดเป็นแสงที่ใช้เพื่อความสวยงามมากกกว่าการใช้งานโดยตรง ในการจัดแสงแนะนำให้ใช้ไฟส่องเน้นที่มีความเข้มข้นเป็น 3 เท่าของแสงในห้องเพื่อให้เกิดจุดเด่นอย่างชัดเจน

ภายนอก – มักใช้ส่องสว่างบริเวณระเบียง ริมสระน้ำ ทางเดิน สวน ต้นไม้ ช่วยเพิ่มสเน่ห์และสร้างบรรยากาศกลางแจ้งให้ดูสวยงามยิ่งขึ้น จะแตกต่างจาก Task lighting ตรงที่เน้นเรื่องของความสวยงามเป็นหลัก ไฟที่นิยมใช้ เช่น โคมไฟฝังพื้น โคมไฟใต้น้ำ โคมไฟบันได ซึ่งทุกวันนี้มีดีไซน์และเฉดสีที่หลากหลาย สามารถปรับระดับเพื่อสร้างเลเยอร์ให้เข้ากับสไตล์การตกแต่งบ้านของคุณ รวมถึงยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และประหยัดพลังงาน เช่นหลอด LED

เราได้ทราบถึงประเภทของการใช้แสงไฟในการออกแบบแล้ว แนะนำว่าก่อนเริ่มวางแผนการจัดแสง คุณควรคำนึงถึงจุดประสงค์การใช้งานของห้องหรืออาคารนั้น ๆ ก่อน เพื่อให้สอดคล้องกับการตกแต่งและความต้องการ และสามารถเลือกประเภทของโคมไฟได้อย่างถูกต้องเหมาะสม

บี.กริม เทรดดิ้ง ให้บริการโซลูชันงานไฟฟ้าแสงสว่างเพื่องานสถาปัตยกรรมแบบครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นแสงเลียนแบบธรรมชาติหรือแสงไฟอัจฉริยะที่สามารถสื่อสารกับผู้ใช้งานได้ มอบความโดดเด่นทั้งภายในและภายนอกให้กับโปรเจคของคุณ และสร้างความประทับใจแก่ผู้พบเห็น มั่นใจด้วยการรับประกันสินค้าและความปลอดภัยตามมาตรฐานสากล ปรึกษาเราได้เลย ที่นี่ https://bgrimmtrading.com/product-category/lighting-solution/

สอบถามข้อมูลสินค้าเพิ่มเติมได้ที่
https://bgrimmtrading.com/contact-us/
อีเมล: [email protected]
เบอร์โทรศัพท์ : +66 (0) 2710 3000
Line :  https://lin.ee/ItAW7DS  @bgrimmtrading

เรื่องล่าสุด