เทคโนโลยี VRF ในเครื่องปรับอากาศทำงานอย่างไร

technology vrf

เทคโนโลยี VRF ในเครื่องปรับอากาศทำงานอย่างไร

เครื่องปรับอากาศหรือแอร์ มีหน้าที่ปรับอากาศให้เย็น หลักการทำงานคือการนำความร้อนในห้องออกไปยังนอกห้อง ผ่านคอยล์เย็น (Indoor unit) ซึ่งบรรจุสารทำความเย็นหรือน้ำยาแอร์แล้วเปลี่ยนสถานะให้เป็นไอ โดยใช้ Compressor เป็นตัวขับเคลื่อน ก่อนส่งต่อไปยังคอยล์ร้อน (Condenser) เพื่อลดอุณหภูมิและระบายความร้อนออกไปภายนอก สำหรับอาคารที่มีพื้นที่ขนาดใหญ่จำเป็นที่จะต้องมีการติดตั้งระบบปรับอากาศซึ่งประกอบด้วยเครื่องปรับอากาศหลายชุดในระบบเดียว เรามักได้ยินชื่อของระบบ VRF อยู่เสมอ

แล้ว VRF คืออะไร? VRF หรือ Variable Refrigerant Flow เป็นระบบปรับอากาศชนิดหนึ่ง อย่างที่กล่าวข้างต้นว่าเครื่องปรับอากาศทั่วไปจะมีระบบการทำงานกันแบบแยกส่วน หนึ่งคอยล์ร้อนต่อหนึ่งคอยล์เย็น แต่สำหรับระบบ VRF จะใช้เทคโนโลยีที่แตกต่างออกไป คือหนึ่งคอยล์ร้อนสามารถต่อได้หลายคอยล์เย็น และเป็นระบบแบบแปรผันน้ำยา โดยจะคำนวณปริมาณน้ำยาให้ตรงกับความต้องการของแต่ละพื้นที่ที่มีสภาวะความร้อนที่แตกต่างกัน

คุณสมบัติ

  • เชื่อมต่อกับคอยล์เย็นได้หลายตัว ประหยัดพื้นที่วางคอยล์ร้อน
    แอร์ระบบทั่วไปจะต้องใช้คอยล์ร้อนตามจำนวนแอร์ เช่นแอร์ 10 ตัว ก็ต้องติดตั้งคอยล์ร้อนจำนวน 10 ตัว ทำให้ต้องหาพื้นที่สำหรับติดตั้งค่อนข้างมาก อีกทั้งเป็นการบดบังทัศนียภาพของอาคาร แต่คอยล์ร้อนของระบบ VRF หนึ่งตัวสามารถเชื่อมต่อกับคอยล์เย็นในระบบเดียวกันได้หลายตัว (ขึ้นอยู่กับขนาด BTU ของคอยล์ร้อน) จึงประหยัดพื้นที่สำหรับวางคอยล์ร้อน เหมาะสำหรับอาคารพาณิชย์ สำนักงาน โรงงาน โรงแรม หรือที่พักอาศัยที่มีพื้นที่ภายนอกจำกัด
  • ติดตั้งคอยล์ร้อนในระยะไกลได้
    นอกจากจะประหยัดพื้นที่ในวางคอยล์ร้อนแล้ว ระบบยังถูกออกแบบมาให้สามารถเดินท่อน้ำยาได้ในระยะไกลกว่าระแบบแอร์ทั่วไปมาก ตำแหน่งของคอยล์ร้อนและคอยล์เย็นจึงไม่จำเป็นต้องอยู่ใกล้กัน เช่น หากเป็นตึกอาคารที่มีแอร์ตามชั้นต่างๆ คอยล์ร้อนของระบบแอร์ทั่วไปจะต้องติดตั้งใกล้กับแอร์ อาจต้องวางตามระเบียงตามจำนวนของแอร์ แต่ระบบ VRF สามารถที่จะนำคอยล์ร้อนแยกไว้บนชั้นดาดฟ้า หรือนำไปซ่อนไว้ในจุดที่ไม่ต้องการให้พบเห็น ทำให้ไม่มีเสียงจากคอยล์ร้อนเข้าไปรบกวนคนในอาคาร เรียกว่าช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์ทั้งภายในและภายนอกของอาคารเลยทีเดียว
  • ควบคุมจากส่วนกลาง ปรับอุณหภูมิแต่ละพื้นที่ได้ตามต้องการ
    โดยปกติเราจะเห็นว่าแอร์ขนาดใหญ่ที่ใช้ในอาคารสำนักงานหรือตามห้างสรรพสินค้า จะมีอุณหภูมิเดียวกันทั่วทุกบริเวณไม่สามารถปรับแยกได้ แต่ระบบ VRF มีการควบคุมคอยล์เย็นแบบอิสระ ทำให้เราสามารถเลือกปรับอุณหภูมิในแต่ละห้องหรือแต่ละพื้นที่ตามความต้องการได้ นอกจากนี้ด้วยความสามารถในการควบคุมจากส่วนกลาง ผู้ใช้งานจึงตั้งเวลาเปิด-ปิด หรือเลือกเปิดแอร์ในเฉพาะบางห้องหรือบางบริเวณได้ รวมถึงสามารถกำหนดสิทธ์ในการเปิด-ปิด หรือการปรับอุณหภูมิในห้องต่างๆ ได้
  • ใช้งานกับแอร์ได้หลายชนิด
    ระบบ VRF รองรับการใช้งานร่วมกับแอร์หลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นแอร์ติดผนัง แอร์แขวน แอร์แบบคาสเซ็ท แอร์ตู้ตั้งพื้น ไปจนถึงแอร์เปลือยต่อท่อลม ผู้ใช้งานจึงสามารถเลือกชนิดของแอร์ที่ตรงกับความต้องการและเข้ากับงานโครงสร้างและการออกแบบของอาคารได้
  • ประหยัดไฟ
    แน่นอนว่าทุกคนล้วนมองหาเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ประหยัดพลังงาน แอร์ระบบ VRF เป็นอีกทางเลือกที่ช่วยประหยัดค่าไฟฟ้า เพราะคอมเพรสเซอร์ทำงานด้วยระบบอินเวอร์เตอร์ มีประสิทธิภาพในการประหยัดไฟสูง คุ้มค่าในระยะยาว

ควรคำนึงถึงอะไรบ้าง

  • ค่าใช้จ่าย
    VRF เป็นระบบปรับอากาศที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง ในขณะที่มีประสิทธิภาพการทำงานและการเชื่อมต่อกับคอยล์เย็นที่เหนือกว่าแอร์ระบบทั่วไป ราคาของมันก็สูงกว่าด้วยเช่นกัน ผู้ใช้งานจึงควรพิจารณาถึงวัตถุประสงค์และความต้องการก่อนตัดสินใจเลือกซื้อ
  • การซ่อมบำรุง
    แอร์ระบบทั่วไปมีการเชื่อมต่อของคอยล์ร้อนกับแอร์แบบตัวต่อตัว เมื่อเครื่องมีปัญหาหรือทำงานขัดข้อง ก็จะกระทบแค่แอร์ตัวนั้นๆ และการซ่อมแซมก็ไม่ซับซ้อนยุ่งยากนัก แต่เนื่องจาก VRF เชื่อมต่อและควบคุมการจ่ายน้ำยาสู่คอยล์เย็นหลายตัว ในกรณีที่คอยล์ร้อนขัดข้อง (ซึ่งโอกาสที่จะเกิดขึ้นค่อนข้างยาก) จึงส่งผลกระทบต่อทั้งระบบ รวมถึงต้องอาศัยช่างผู้เชี่ยวชาญโดยเฉพาะในการซ่อมแซม

ดูข้อมูลสินค้า VRF (เครื่องปรับอากาศแบบรวมศูนย์) ->https://bit.ly/3ngE7ig
แคตตาลอคสินค้า VRF -> https://bit.ly/3C0S8oy

หากมีข้อสงสัยเพิ่มเติม บี.กริม เทรดดิ้ง เราพร้อมให้คำปรึกษาเพื่อการเลือกใช้ระบบปรับอากาศที่เหมาะกับการใช้งานของคุณ

สอบถามข้อมูลสินค้าเพิ่มเติมได้ที่
https://bgrimmtrading.com/contact-us/
อีเมล: [email protected]
เบอร์โทรศัพท์ : +66 (0) 2710 3242

เรื่องล่าสุด

การเลือก Digital Door Lock สำหรับโรงแรม

how to choose digital door lock for hotel

การเลือก Digital Door Lock สำหรับโรงแรม

Onity-smart-room image (1)

ในปัจจุบันจะเห็นว่ามีบ้านและคอนโดจำนวนไม่น้อยเริ่มหันมาเลือกใช้ Digital door lock หรือระบบล็อคประตูอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการล็อคประตูและตอบโจทย์ชีวิตในยุควิถีใหม่ที่เน้นความสะดวก สะอาดและลดการสัมผัส แต่สำหรับธุรกิจโรงแรม Digital door lock ถือเป็นเทคโนโลยีที่คุ้นเคยกันเป็นอย่างดี ใช้สำหรับการบริหารควบคุมระบบการเข้า-ออก การเช็คอิน-เช็คเอ้าท์ของลูกค้า เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานความปลอดภัยของธุรกิจ อำนวยความสะดวกและสร้างความพึงพอใจต่อผู้ใช้บริการ

หากคุณเป็นเจ้าของโรงแรมที่กำลังตัดสินใจว่าจะใช้ Digital door lock ดีหรือไม่สำหรับโรงแรมใหม่ของคุณ หรือต้องการจะปรับปรุงระบบของโรงแรมเดิม วันนี้ บี.กริม เทรดดิ้ง มีเหตุผลว่าทำไมคุณถึงควรเลือกใช้ Digital door lock พร้อมคำแนะนำในการเลือกซื้อ เพื่อให้เหมาะสมที่สุดกับโรงแรมของคุณ

ทำไมถึงควรใช้ Digital Door Lock 

infographic Door lock-01

  • ระบบความปลอดภัยสูง
    Digital door lock มาพร้อมกับเทคโนโลยีความปลอดภัยขั้นสูง รองรับการใช้งานหลากหลายรูปแบบของธุรกิจ ด้วยซอฟต์แวร์ที่สามารถกำหนดวันเวลาการเข้า-ออกประตูตามระดับการใช้งานที่แตกต่างกัน เช่น สำหรับลูกค้าที่เข้าพัก แม่บ้าน หรือผู้ดูแลตึก หากทำบัตรสูญหายสามารถยกเลิกหรือเปลี่ยนบัตรใหม่ได้ทันที
  • สะดวก ใช้งานง่าย
    ขั้นตอนการใช้งานไม่ซับซ้อนยุ่งยาก บัตรที่ลงทะเบียนเรียบร้อยแล้วสามารถให้งานได้ทันที เพียงเสียบหรือทาบกับตัวเครื่องก็สามารถเข้าห้องพักได้ และเมื่อออกจากห้องพัก เพียงพกบัตรไปด้วย ระบบล็อคจะทำการปิดไฟฟ้าในห้องพักอัตโนมัติ เป็นการประหยัดพลังงาน
  • ติดตั้งง่าย
    Digital door lock ทุกรุ่นใช้ระบบแบตเตอรีไม่ได้ใช้ไฟฟ้า จึงไม่ต้องเดินสายไฟและเมื่อไฟดับจึงสามารถใช้งานได้ตามปกติ โดยเฉลี่ยแบตเตอรีมีอายุใช้งานประมาน 1-2 ปี ขึ้นอยู่กับรุ่นและยี่ห้อ ซึ่งตัวเครื่องจะมีสัญญาณแจ้งเตือนเมื่อแบตเตอรีอ่อน
  • ดีไซน์ทันสมัย แข็งแรงทนทาน
    มีดีไซน์ที่สวยงามทันสมัย การออกแบบมีทั้งแบบหนึ่งชิ้นและแยกสองชิ้น มีวัสดุพื้นผิวและที่จับให้เลือกหลากหลายแบบเข้าได้กับประตูทุกสไตล์ ทนทานต่อการกัดกร่อนในทุกสภาพอากาศ
    ช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์ของโรงแรม

Digital Door Lock มีกี่แบบ

ในปัจจุบัน Digital door lock พัฒนาออกมาหลายชนิดด้วยกัน สำหรับธุรกิจโรงแรม มี 3 ชนิดที่เป็นที่นิยมได้แก่

  1. ชนิดบัตรแถบแม่เหล็ก (Magstripe Card)
    เป็นระบบล็อคประตูรุ่นมาตรฐานแบบเสียบคีย์การ์ดเข้ากับตัวเครื่อง ระบบทำงานโดยการอ่านบัตรสองครั้ง (หนึ่งครั้งระหว่างการใส่และอีกครั้งในระหว่างการดึงบัตรออก) มีค่าใช้จ่ายในการติดตั้งถูกกว่าระบบอื่นๆ ถูกใช้ในธุรกิจโรงแรม อพาร์ทเม้นท์ คอนโดมาเป็นระยะเวลายาวนานลูกค้าจึงคุ้นเคยกับการใช้งานเป็นอย่างดี อย่างไรก็ตามค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานและการบำรุงรักษาที่ตามมาค่อนข้างสูง เนื่องจากฝุ่นละอองอาจจับตัวที่ตัวเครื่องทำให้ไม่สามารถใช้งานได้ตามปกติ ต้องมีการทำความสะอาดสม่ำเสมอ รวมถึงค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนบัตรที่อาจชำรุด และต้องมีพนักงานประจำการตลอดเวลา
  2. ชนิดไร้สัมผัส RFID
    ใช้เทคโนโลยีการอ่าน RFID แบบไม่ต้องสัมผัส สามารถใช้อุปกรณ์เปิดได้หลายแบบทั้งคีย์การ์ด, พวงกุญแจ (Key Fob) หรือ สายรัดข้อมือ (Wristband) ไม่ต้องเสียบหรือรูดบัตรกับตัวเครื่อง การ์ด RFID มีราคาสูงกว่าบัตรแถบแม่เหล็กแต่ก็มีความทนทานและมีอายุการใช้งานที่นานกว่าเนื่องจากไม่ต้องมีการเสียดสี มีความเสี่ยงต่อการปลอมแปลงต่ำ บางรุ่นโดยเฉพาะในแบรนด์ชั้นนำสามารถอัพเกรดระบบเพื่อรองรับการใช้งานผ่านมือถือ รวมถึงรองรับเทคโนโลยีเสริมเพิ่มความปลอดภัย โดยไม่ต้องทำการตัดประตูหรือทาสีใหม่
  3. ระบบเชื่อมต่อกับมือถือ (Mobile Access)
    ระบบควบคุมจัดการได้จากทางไกล เป็นเทคโนโลยีที่สร้างประสบการณ์ใหม่ให้แก่ลูกค้า โดยการเชื่อมต่อด้วยบลูทูธหรือWi-Fi ผ่านแอปพลิเคชันที่สามารถสั่งงานเปิด-ปิดล็อคได้ด้วยมือถือ ช่วยประหยัดเวลาเนื่องจากลูกค้าไม่จำเป็นต้องเข้าคิวติดต่อที่เคาท์เตอร์โรงแรม แต่สามารถใช้สมาร์ทโฟนในการเข้าออกห้องพักผ่านแอปพลิเคชั่นของโรงแรม ซึ่งโรงแรมสามารถใช้เป็นช่องทางในการโฆษณาสิ่งอำนวยความสะดวก ร้านอาหาร ข้อเสนอพิเศษหรือบริการต่างๆ ได้อีกด้วย นอกจากนี้ยังมีการเพิ่มความปลอดภัยอีกขั้นจากการใช้พาสเวิร์ด ลดการสัมผัส เหมาะกับชีวิตในยุควิถีใหม่
HT_RFID_banner

ข้อควรคำนึง

  • คุณภาพ มาตรฐานสินค้า
    ต้องมั่นใจได้ในคุณภาพของสินค้า หากระบบล็อคชำรุดจะทำให้ลูกค้าเข้าออกห้องพักไม่ได้ ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นและภาพลักษณ์ของโรงแรง หรือหากเป็นระบบที่ไม่ได้มาตรฐานอาจเสี่ยงต่อการถูกปลอมแปลงหรือถูกเจาะเข้าระบบได้โดยง่าย เป็นอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สินของลูกค้า จึงควรเลือกสินค้าจากแบรนด์ที่ได้รับการยอมรับทั่วโลก ใช้กันแพร่หลายในโรงแรมที่มีชื่อเสียงต่างๆ
  • ผู้ผลิตต้องมีความน่าเชื่อถือ
    นอกจากจะมีรุ่นและระบบที่ตรงความต้องการและมีราคาที่เหมาะสมแล้ว ผู้ประกอบการควรเลือกผู้จัดจำหน่ายที่น่าเชื่อถือ มีการรับประกันสินค้า เนื่องจากการใช้งาน Digital door lock ไม่ได้สิ้นสุดลงเมื่อการติดตั้งสมบูรณ์เรียบร้อย แต่ยังมีเรื่องของการปรับปรุงอัพเดทระบบ การบำรุงรักษาซ่อมแซม รวมถึงการจัดหาอะไหล่ จึงต้องมั่นใจได้ถึงบริการภายหลังการขายด้วย

บี.กริม เทรดดิ้ง มีผู้เชี่ยวชาญยินดีให้คำแนะนำสำหรับ Digital Door Lock ที่เหมาะกับโรงแรมของคุณ เราเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าจาก Onity มั่นใจในมาตรฐานความปลอดภัยและการใช้งานจริงในโรงแรมทุกระดับ ดูแลตั้งแต่การติดตั้งไปจนถึงบริการหลังการขาย

ค้นหาข้อมูลสินค้าสินค้าเพิ่มเติม
https://bit.ly/36d5r7g

สอบถามข้อมูลสินค้าเพิ่มเติมได้ที่
https://bgrimmtrading.com/contact-us/
อีเมล: [email protected]
เบอร์โทรศัพท์ : +66 (0) 2710 3241

เรื่องล่าสุด

ติดแอร์แบบฝังฝ้า (Cassette type) ดีหรือไม่ ควรคำนึงถึงอะไรบ้าง

B.Grimm Trading|Air Conditioning Solutions|Carrier Cassette Air Conditioners

ติดแอร์แบบคาสเซ็ท (Cassette) ดีไหม ควรคำนึงถึงอะไรบ้าง

air-cassette-type

ถ้าพูดถึงแอร์ที่ใช้งานตามบ้าน ร้านค้า หรือออฟฟิศขนาดเล็ก เรามักนึกถึงแอร์แบบติดผนัง (Wall Type) หรือแอร์บ้านยอดนิยม ด้วยราคาที่จับต้องได้และการติดตั้งที่สะดวกไม่ยุ่งยาก ในขณะที่ แอร์แบบคาสเซ็ทหรือแอร์แบบฝังฝ้าเพดาน (Cassette Type) มักจะพบเห็นตามร้านค้า อาคาร หรือโครงการบ้านยุคใหม่ที่มีดีไซน์ทันสมัยและมีมูลค่าสูงเนื่องจากตัวเครื่องมีรูปลักษณ์ที่สวยงามกลมกลืนกับสถานที่ได้เป็นอย่างดี จริงๆ แล้วแอร์แบบคาสเซ็ทไม่ได้มีดีแค่หน้าตา ใครที่กำลังมองหาแอร์หรือกำลังตัดสินใจว่าจะใช้แอร์แบบคาสเซ็ท ดีไหม วันนี้เรารวบรวมจุดเด่นและข้อควรคำนึงก่อนตัดสินใจมาให้ 

จุดเด่นของแอร์ฝังฝ้าเพดานหรือแบบคาสเซ็ท (Cassette Type)

Air Cassette type
Air Cassette type
  1. รูปลักษณ์
    ปฏิเสธไม่ได้ว่าจุดเด่นที่เห็นชัดที่สุดของแอร์คาสเซ็ทคือหน้าตาที่สวยงาม ด้วยดีไซน์ที่เรียบหรูและการฝังซ่อนใต้ฝ้าทำให้ตัวเครื่องดูกลมกลืนกับห้องมากกว่าแอร์ชนิดอื่นๆ สามารถเข้าได้กับการตกแต่งภายในของบ้าน ร้านค้า คาเฟ่ หรือสำนักงานทุกสไตล์อย่างลงตัว
  2. ประหยัดพื้นที่
    การติดตั้งแอร์แบบคาสเซ็ทนั้นจะฝังตัวเครื่องพร้อมท่อน้ำยาลงบนฝ้า จึงทำให้ไม่เปลืองพื้นที่บนผนังและไม่มีท่อน้ำยารบกวนสายตา ทำให้ห้องดูโล่งโปร่งสบาย เหมาะสำหรับห้องที่ต้องการความสวยงามหรือมีข้อจำกัดในการติดตั้ง เช่น ห้องที่มีดีไซน์ส่วนใหญ่เป็นกระจก หรือไม่มีพื้นที่ที่เหมาะสมบนผนัง ตอบโจทย์บ้าน อาคาร ออฟฟิสยุคใหม่ที่มีการตกแต่งทันสมัย
  3. กระจายลมรอบทิศทาง
    ต้องบอกว่าแอร์แบบคาสเซ็ทไม่ได้มีดีเพียงแค่รูปลักษณ์ จุดเด่นที่เหนือกว่าแอร์ชนิดอื่นคือเรื่องของการกระจายลม ที่สามารถทำได้ตั้งแต่ 4 ทิศทางไปจนถึงรอบทิศทางแบบ 360 องศา บวกกับตำแหน่งการติดตั้งกลางห้องที่ช่วยให้กระจายความเย็นได้ทั่วถึงอย่างรวดเร็ว จัดเป็นแอร์ประเภทที่สามารถทำความเย็นได้เร็วที่สุด ทั้งยังสามารถควบคุมทิศทางกระจายลมได้อีกด้วย เลือกได้ว่าจะส่งลมไปยังพื้นที่จุดไหนให้มากยิ่งขึ้น หรือจะควบคุมไม่ให้ลมไปปะทะตัวคนมากเกินไปก็ทำได้ นอกจากนี้ตัวเครื่องยังมี BTU สูงกว่าแอร์แบบติดผนัง ใครที่กำลังมองหาแอร์สำหรับใช้งานภายในห้องขนาดใหญ่ มั่นใจได้เลยว่าแอร์แบบคาสเซ็ทให้ความเย็นได้อย่างรวดเร็วและทั่วถึงอย่างแน่นอน
  4. ประหยัดไฟ ไม่มีเสียงรบกวน
    หากคุณคิดว่าแอร์แบบคาสเซ็ทเปลืองไฟคงต้องคิดใหม่ เพราะมีระบบการทำงานแบบอินเวอร์เตอร์ให้เลือก ซึ่งเป็นที่รู้กันดีว่ามีอัตราการกินไฟน้อย รวมถึงทนทานต่อไฟตก ไฟเกิน มั่นใจได้ถึงการประหยัดพลังงาน โดยเฉพาะในรุ่นที่มีการรับรองด้วยฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 นอกจากนี้ตัวเครื่องยังมีการทำงานที่เงียบกว่าแอร์ธรรมดา จึงไม่มีเสียงรบกวนในระหว่างการพักผ่อนหรือการทำงานอย่างแน่นอน

ก่อนจะตัดสินใจซื้อแอร์แบบคาสเซ็ท ควรจะต้องรู้อะไรบ้าง
ในขณะที่แอร์แบบคาสเซ็ท มาพร้อมกับดีไซน์และฟังก์ชั่นอันครบครัน ตอบโจทย์คนยุคใหม่ที่ต้องการความสวยงามและทันสมัย ก่อนเลือกใช้งานคุณอาจต้องคำนึงถึงปัจจัยต่อไปนี้ด้วย

Air Cassette type

  1. ความสูงของห้อง
    หากคิดติดแอร์แบบคาสเซ็ท ลำดับแรกที่ต้องคำนึงคือเรื่องความสูงของห้อง เนื่องจากแอร์ปล่อยความเย็นจากด้านบน ระยะพื้นกับฝ้าเพดานจึงไม่ควรสูงเกิน 3.5 – 4 เมตร เพื่อให้มั่นใจว่าห้องของคุณจะได้รับความเย็นอย่างทั่วถึง
  2. การติดตั้ง
    ในการติดตั้งต้องเว้นพื้นที่ว่างระหว่างฝ้ากับเพดานห้องประมาณ 30 ถึง 45 เซนติเมตรสำหรับวางตัวเครื่อง หากมีระยะห่างไม่พอก็จะไม่สามารถติดตั้งได้ จึงไม่เหมาะกับห้องที่มีเพดานต่ำ นอกจากนี้ เนื่องจากตัวเครื่องติดตั้งอยู่บนฝ้า จึงแนะนำให้ติดตั้งแอร์ก่อนจะทำงานฝ้าเพดาน เพื่อลดความยุ่งยากในการกรีดเปิดฝ้าและเก็บงานในภายหลัง
  3. ท่อระบบแอร์
    ท่อระบบแอร์ (ท่อน้ำยาแอร์และท่อน้ำทิ้งแอร์) ต้องมีคุณภาพและมีความหนาได้มาตรฐานตามที่ผู้ผลิตกำหนดไว้ นอกจากนี้ ตัวฉนวนหุ้มท่อระบบแอร์ควรมีขนาดหนากว่าปกติทั่วไป เนื่องจากไอน้ำที่เกาะอยู่รอบๆ ท่อ อาจหยดลงฝ้าเพดานและสร้างความเสียหายแก่ตัวฝ้าได้ ทำให้การเดินท่อน้ำยาแอร์ฝังฝ้าเพดานนั้นมีความยุ่งยากมากกว่าแอร์ชนิดอื่น
  4. การบำรุงรักษา
    เช่นเดียวกับแอร์ประเภทอื่น ๆ แอร์แบบคาสเซ็ทควรมีการทำความสะอาดขั้นต่ำปีละ 1-2 ครั้งในกรณีใช้งานตามบ้านพักอาศัย หากใช้งานในร้านค้าหรือสำนักงานที่มีคนเข้าออกพลุกพล่าน ปริมาณฝุ่นละอองและความสกปรกอาจมีมากกว่าที่พักอาศัยทั่วไป จึงควรล้างทำความสะอาดปีละ 3-4 ครั้ง ซึ่งจะช่วยให้แอร์ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ และประหยัดค่าไฟเนื่องจากไม่มีสิ่งสกปรกไปอุดตัน

บี.กริม เทรดดิ้ง เราเป็นตัวแทนจำหน่าย Carrier แคเรียร์ แอร์คอนดิชั่น ทางเราพร้อมให้ข้อมูลในการติดตั้ง และข้อมูลสินค้าแอร์ทุกชนิดของ แคเรียร์ หรือสามารถดูข้อมูลสินค้าเราได้ที่ หน้าสินค้าได้เลยค่ะ https://bgrimmtrading.com/product-category/air-conditioners/

สนใจสอบถามข้อมูลสินค้าเพิ่มเติมได้ที่
https://bgrimmtrading.com/contact-us/
อีเมล: [email protected]
เบอร์โทรศัพท์ : +66 (0) 2710 3242

เรื่องล่าสุด